บทที่ 1 เรื่อง present simple tense

หลักการใช้ Present Simple Tense

1.     ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน หรือเกิดขณะที่พูดเช่น

Ann watches television.

Ron takes a bath in the bathroom.

2.      ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เป็นจริงตามธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นอดีต ปัจจุบัน

หรืออนาคตเช่น

Tiger is a dangerous animal.

The earth moves around the sun.

3.    ใชักับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นบ่อยๆซ้ำๆจนเป็นกิจวัตรประจำวันหรือประจำเดือน

 


ทำไมคำกริยาต้องเติม “ s ” หรือ ” es “

Read aloud.
           1. I drink water every day.
2. You drink water every day.
3. We drink water every day.
4. They drink water every day.
5. He drinks water every day.
6. She drinks water every day.
7. It drinks water every day.
นักเรียนจะสังเกตเห็นว่าในข้อ 5 – 6 – 7 คำกริยา drink เติม s      นักเรียนลองเดาซิคะว่าเพราะอะไรบางคนก็ตอบถูกค่ะว่าเพราะประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 คือ He She และ It      ค่ะ นักเรียนต้องจำให้ได้นะคะ

 

กฎการเติม หรือ es หลังคำกริยา
1.  คำกริยาธรรมดาทั่วๆไปเติม S ได้ทันที เช่นคำว่า work – works , live – lives
2.  คำกริยาที่ลงท้ายด้วย s , ss , sh , ch , x และ o ให้เติม es เช่น go – goes ,
watch – watches , catch – catches
3.  คำกริยาที่ลงท้ายด้วย y ให้เปลี่ยน y เป็น I แล้วเติม es เช่น cry – cries ,
study – studies


Present Simple Tense ในรูปประโยคบอกเล่า

ประโยคบอกเล่า หมายถึงประโยคที่พูดหรือเล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟัง เช่น ฉันดื่มน้ำทุกๆวัน ในภาษาอังกฤษรูปกริยาที่ใช้ต้องเป็นช่องที่ 1 ( V .1 ) ถ้าประธานเป็นเอกพจน์กริยาต้องเติม s หรือ es ส่วนประธานพหูพจน์ ( รวมทั้ง I และ You ) กริยาไม่ต้องเติมให้คงรูปเดิม

โครงสร้างประโยค Present Simple Tense

 

   ประธาน                     กริยา                                 กรรม                              คำบอกเวลา


Present Simple Tense ในรูปประโยคปฏิเสธ

       ถ้าในประโยคบอกเล่านั้นมีเพียงกริยาแท้ เมื่อต้องการเปลี่ยนให้เป็นปฏิเสธให้นำ Verb to do ( do not , does not ) วางไว้หลังประธานมีรูปแบบดังนี้

             ประธาน             do          not                กริยาแท้ช่องที่1
            does     not

    do not ( don’t ) ใช้กับประธานพหูพจน์ได้แก่ I , You , We , They

does not ( doesn’t ) ใช้กับประธานเอกพจน์ได้แก่ He , She , It

เช่น          ประโยคบอกเล่า           I live in London.

ประโยคปฎิเสธ              I don’ t live in London.

ประโยคบอกเล่า            He lives in Canada.

ประโยคปฎิเสธ              He doesn’ t live in Canada.

ข้อสังเกต    1.    เมื่อใช้ does not ( doesn ‘ t ) กับประธานเอกพจน์ คำกริยาที่เติม s หรือ es ให้ตัด s หรือ es ทิ้งและคงเหลือคำกริยาช่องที่ 1 ซึ่งไม่ต้องเติมอะไรทั้งสิ้น

2.    ส่วน do not ( don ‘t )ใช้กับประธานพหูพจน์คำกริยาให้คงเดิมไม่ต้องเปลี่ยนแปลงใดๆ


Present Simple Tense ในรูปประโยคคำถาม

ประโยค Present Simple Tense ที่มี Verb to be เมื่อทำเป็นคำถามให้นำ Verb to be มาวางไว้หน้าประธาน แต่ถ้าประโยคนั้นๆไม่มี Verb to be ให้ใช้ Verb to do ( do , does ) วางไว้หน้าประธาน
มีรูปแบบดังนี้
Do
    ประธาน   กริยาแท้ช่องที่ 1 ?
Does

เช่น            ประโยคบอกเล่า : They live in London.
ประโยคคำถาม : Do they live in London ?
ประโยคบอกเล่า : He works in an office.
ประโยคคำถาม : Does he work in an office ?
Do    ใช้กับประธานพหูพจน์ มี I , You , We , They
Does ใช้กับประธานเอกพจน์ มี He , She , It

ข้อสังเกต 

1.การใช้ Verb to do ในประโยคคำถามเมื่อใช้ Does กับประธานเอกพจน์ให้ตัดs หรือ esข้างหลังคำกิยาทิ้งและคงไว้แต่คำกริยาแท้ ( V.1)
2.แต่ถ้าใช้ Do กับประธานพหูพจน์คำกริยาคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

http://www.igetweb.com

Verb Tenses
(Present Tenses )

 

  ดังได้กล่าวมาในบท Verb Tense ( Types ) แล้วว่า Verb Tense มีทั้งหมด 12 รูปใน active voice ในบทนี้จะได้กล่าวถึงการใช้  Present tenses  ทั้ง 4 รูปคือ Simple present , Present progressive, Present perfect,และ Present perfect progressive.

1.Simple Present Tense

โครงสร้าง    

Subject auxiliary verb ( do )  main verb ( base )
ประธาน กริยาช่วย ( do) กริยาหลักช่อง 1

ดังตัวอย่าง

  ประธาน กริยาหลัก    

  บอกเล่า

I am   French.
You, we, they are   French.
He, she, it is   French.

–  ปฏิเสธ

I am not old.
You, we, they are not old.
He, she, it is not old.

? คำถาม

Am I   late?
Are you, we, they   late?
Is he, she, it   late?

การใช้     ใช้  Simple Present tense เมื่อ

  • เป็นการกระทำ/เหตุการณ์ที่เป็นจริงโดยทั่วไป เช่น
    The Moon goes round the Earth.
    Birds fly.
    Sugar is sweet.
  • เป็นการบรรยายการกระทำ/เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะที่พูด
    John waits patiently while Bridget books the tickets.
    He needs help right now.
    I‘m here now.
    The car is clean
  • เป็นกระทำที่เกิดขึ้นตลอดเวลา เป็นกิจวัตร ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต  เช่น
    He gets up early every day.
    play football every Sunday.
  • เป็นการกระทำที่กำหนดแน่นอนว่า จะกระทำในอนาคต   โดยใช้ ร่วมกับ adverb หรือ adverbial phrase เช่น
    The doors open in 10 minutes.
    John arrives on Tuesday.

มีข้อยกเว้นดังนี้

  • สำหรับประโยคบอกเล่า ( positive ) ปกติจะไม่ใช้กริยาช่วย   ( นอกจากต้องการเน้นเช่น  I do love you )
  • สำหรับประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3  ( he, she, it ) เติม  s ที่กริยาหลัก และเติม  es ที่กริยาช่วย
  • สำหรับ verb to be ที่เป็นกริยาหลัก    ปกติจะไม่มีกริยาช่วย แม้ในประโยคปฏิเสธ หรือประโยคคำถาม

ตามตัวอย่างในตารางต่อไปนี้

  ประธาน กริยาช่วย   กริยาหลัก  

บอกเล่า

I, you, we, they     like coffee.
He, she, it     likes coffee.


ปฏิเสธ

I, you, we, they do not like coffee.
He, she, it does not like coffee.

?
คำถาม

Do I, you, we, they   like coffee?
Does he, she, it   like coffee?

verb to be ที่เป็นกริยาหลัก    ปกติจะไม่มีกริยาช่วย แม้ในประโยคปฏิเสธ หรือประโยคคำถามดังนี้

อ่านต่อ : http://my.dek-d.com/ohhoqqq/blog/?blog_id=10094854#ixzz1IVthT3To

ข้อสอบที่เกี่ยวข้อง
โพส : 18 ก.ย. 2552
เข้าชม : 4,723 ครั้ง
ผู้สร้าง : ทีมงานทรูปลูกปัญญา
โพส : 29 มี.ค. 2553
เข้าชม : 18,966 ครั้ง
ผู้สร้าง : PingPong
โพส : 18 ก.ย. 2552
เข้าชม : 3,857 ครั้ง
ผู้สร้าง : PingPong
โพส : 29 มี.ค. 2553
เข้าชม : 6,540 ครั้ง
ผู้สร้าง : PingPong
โพส : 18 มี.ค. 2553
เข้าชม : 9,577 ครั้ง
ผู้สร้าง : ทีมงานทรูปลูกปัญญา
โพส : 12 ก.พ. 2553
เข้าชม : 5,193 ครั้ง
ผู้สร้าง : Noo_Wow
ใส่ความเห็น

ใส่ความเห็น